บทที่ 7 การวิเคราะห์ดุลยภาพในระบบเศรษฐกิจ โดยใช้แบบจำลอง IS-LM หรือวิธีดุลยภาพทั่วไป
ในบทนี้จะเป็นการศึกษาการกำหนดขึ้นของระดับรายได้ดุลยภาพวิธีที่ 4 ซึ่งมี อัตราดอกเบี้ย เป็นตัวแปรหลัก
- ดุลยภาพ ในตลาดผลผลิต (เส้น IS) จะเป็นเรื่องของต้นทุนในการผลิต อัตราดอกเบี้ยสูง การลงทุนจะต่ำ ซึ่งทุกๆจุดบนเส้น IS คือระดับรายได้ประชาชาติที่มีดุลยภาพในภาคการผลิตที่อัตราดอกเบี้ยต่างๆกัน
- ดุลยภาพ ในตลาดเงิน (เส้น LM) จะถูกกำหนดขึ้นที่อุปสงค์เท่ากับอุปทานของเงิน และส่งผลต่อระดับรายได้ประชาชาติ ที่อัตราดอกเบี้ยต่างๆกัน
- จุดที่กำหนดระดับรายได้ดุลยภาพ คือจุดที่ เกิดดุลยภาพทั้งในตลาดผลผลิต และตลาดเงินพร้อมกัน (เส้น IS ตัดกับ LM)
ตลาดผลผลิต
- ในกรณีที่ ให้อัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงได้ และปัจจัยอื่นๆที่เป็น Autonomous คงที่ ดุลยภาพในตลาดผลผลิต คือจุดที่ ส่วนกระตุ้น = ส่วนรั่วไหล หรือ รายได้ประชาชาติ เท่ากับ ความต้องการใช้จ่ายมวลรวม
- อัตราดอกเบี้ย จะมีผลต่อ การลงทุน (I) เขียนแทนด้วยฟังก์ชั่น I = I(r)
- ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย จึงมีผลทำให้ ระดับรายได้ประชาชาติเปลี่ยนแปลง เกิดเป็นเส้น IS
- เส้น IS คือเส้นที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยกับรายได้ดุลยภาพในตลาดผลผลิต
- ทุกๆจุดบนเส้น IS คือจุดดุลยภาพ เมื่อเราพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย
รายได้ประชาชาติดุลยภาพในตลาดผลผลิตในกรณีต่างๆ
- ระบบเศรษฐกิจปิด ไม่มีรัฐบาล
- Y = C + I ตามเงื่อนไขวิธี Income-Expenditure Approach
- I = S ตามเงื่อนไขวิธี Withdrawal-Injection Approach
- AD = AS ตามเงื่อนไขวิธี Aggregate demand-Aggregate Supply
- ระบบเศรษฐกิจปิด มีรัฐบาล
- Y = C + I + G ตามเงื่อนไขวิธี Income-Expenditure Approach
- I+G = S+T ตามเงื่อนไขวิธี Withdrawal-Injection Approach
- AD = AS ตามเงื่อนไขวิธี Aggregate demand-Aggregate Supply
- ระบบเศรษฐกิจเปิด มีรัฐบาล
- Y = C + I + G + X -IM ตามเงื่อนไขวิธี Income-Expenditure Approach
- I+G+X = S+T+IM ตามเงื่อนไขวิธี Withdrawal-Injection Approach
- AD = AS ตามเงื่อนไขวิธี Aggregate demand-Aggregate Supply
การคำนวณหาเส้น IS ในรูปของสมการ
ตัวอย่าง
กำหนดให้
S = -100 + 0.2Yd
I = 150 - 6r
T = 0.25Y
G = 100
การคำนวณ
กำหนดให้
S = -100 + 0.2Yd
I = 150 - 6r
T = 0.25Y
G = 100
การคำนวณ
เงื่อนไขดุลยภาพในตลาดผลผลิต I+G = S + T 150 - 6r + 100 = -100 + 0.2(Y-T) + 0.25Y 250 - 6r = -100 + 0.2Y - 0.05Y + 0.25Y 350 - 6r = 0.4Y Y = 875 - 15r ===> สมการ IS
การเปลี่ยนแปลงของเส้น IS
การเปลี่ยนแปลงของเส้น IS จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรต่างๆ คูณด้วยตัวทวีของตัวแปรนั้นๆ
IS จะเลื่อนไปทางขวา เมื่อมีความต้องการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
- การออมลดลง (S ลด,C เพิ่ม)
- การลงทุนเพิ่มขึ้น (I เพิ่ม)
- รายจ่ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้น (G เพิ่ม)
- รายรับจากภาษีลดลง (T ลด)
- การส่งออกเพิ่มขึ้น (X เพิ่ม)
- การนำเข้าลดลง (IM ลด)
IS จะเลื่อนไปทางขวา เมื่อมีความต้องการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจลดลง
- การออมเพิ่มขึ้น (S เพิ่ม,C ลด)
- การลงทุนลดลง (I ลด)
- รายจ่ายของรัฐบาลลดลง (G ลด)
- รายรับจากภาษีเพิ่มขึ้น (T เพิ่ม)
- การส่งออกลดลง (X ลด)
- การนำเข้าเพิ่มขึ้น (IM เพิ่ม)
ตลาดเงินตรา (Money Market)
ในการหาความสัมพันธ์ของอัตราดอกเบี้ยกับรายได้ประชาชาติดุลยภาพ จะแบ่งการพิจารณาออกเป็น 2 ขั้นตอน
- จุดดุลยภาพในตลาดเงิน ในระดับอัตราดอกเบี้ยต่างๆ จะอยู่ที่ เส้น อุปสงค์ของเงิน (LP) ตัดกับ เส้นอุปทานของเงิน (Ms)
- ระดับอัตราดอกเบี้ยในข้อ 1. จะส่งผลต่อระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพ เขียนได้เป็น เส้น LM
ลักษณะของเส้น LM
- ช่วงที่เส้น LM ขนานกับแกนรายได้ประชาชาติ เรียกว่า ช่วงเคนส์
- ช่วงที่เส้น LM ตั้งฉากกับแกนรายได้ประชาชาติ เรียกว่า ช่วงคลาสสิก
- ช่วงกลาง เป็นช่วงที่เส้น LM อยู่ระหว่างช่วงเคนส์ กับช่วงคลาสสิก เส้น LM มี Slope เป็นบวก
เส้น LP และ LM
จากรูปด้านล่าง
- ปริมาณเงิน (Ms) หรือ อุปทานของเงิน คือเส้น M0P0
- อุปสงค์ของเงิน (เส้น LP) ที่ระดับอัตราดอกเบี้ยต่างๆ คือเส้น Ld(Yx)
- (ภาพขวา) ถ้าอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ระดับรายได้ประชาชาติก็จะสูงขึ้นด้วย
- (ภาพซ้าย) ถ้าระดับรายได้ประชาชาติสงขึ้น โดยที่ปริมาณเงินไม่เปลี่ยนแปลง เส้น LP จะขยับสูงขึ้นตาม
- ความสัมพันธ์ของอัตราดอกเบี้ยกับรายได้ประชาชาติ ที่ทำให้เกิดดุลยภาพในตลาดเงินตรา คือปริมาณเงิน = ความต้องการถือเงิน เราเรียกว่าเส้น LM
ตัวอย่างการคำนวณหาเส้น LM
กำหนดให้
สมการอุปทานของเงิน Ms = 150
สมการอุปสงค์ของเงิน LP = 0.2Y -2r
วิธีทำ
สมการอุปทานของเงิน Ms = 150
สมการอุปสงค์ของเงิน LP = 0.2Y -2r
วิธีทำ
เงื่อนไขดุลยภาพในตลาดเงิน LP = Ms 0.2Y - 2r = 150 0.2Y = 150 + 2r Y = 750 + 10r ===> สมการ LM
การวิเคราะห์ดุลยภาพร่วมกันของตลาดผลผลิตและตลาดเงินตรา
ตัวอย่าง จงคำนวณหาสมการของเส้น IS และ LM และคำนวณหาระดับอัตราดอกเบี้ยดุลยภาพ และ ระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพโดย กำหนดให้
C = 100 + 0.8Yd
I = 100 - 6r
Yd = Y - T
T = 0.25Y
Md = 0.2Y -4r
Ms = 155
G = 250
วิธีทำ ช่วงที่ 1 หาสมการ IS โดยเริ่มจากสภาวะดุลยภาพในตลาดการผลิต
C = 100 + 0.8Yd
I = 100 - 6r
Yd = Y - T
T = 0.25Y
Md = 0.2Y -4r
Ms = 155
G = 250
วิธีทำ ช่วงที่ 1 หาสมการ IS โดยเริ่มจากสภาวะดุลยภาพในตลาดการผลิต
I + G = S + T จากข้อมูลที่โจทย์ให้มา C = 100 +0.8Yd ดังนั้น S = -100 + 0.2Yd --> สูตร S = -C0 + MPS.Yd แทนค่าต่างๆในสมการ I + G = S + T จะได้ว่า 100 - 6r + 250 = -100 + 0.2(Y - 0.25T) + 0.25Y แก้สมการได้ Y = 1,125 -15r ----- สมการ IS
ช่วงที่ 2 หาสมการ LM จากเงื่อนไขที่ว่า อุปสงค์ของเงิน(Md) = อุปทานของเงิน(Ms)
Md = Ms 0.2Y -4r = 155 Y = 775 + 20r ----- สมการ LM
ช่วงที่ 3 อัตราดดอกเบี้ย และรายได้ประชาชาติ คำณวณได้ดังนี้
Y บนเส้น IS = Y บนเส้น IM 1,125 -15r = 775 + 20r -35r = -350 r = 10 ---- อัตราดอกเบี้ยดุลยภาพ นำค่า r ไปแทนค่าในสมการ Is หรือ LM ก็ได้ เพื่อหา Y แทนใน IS Y = 1,125 - 15(10) Y = 975 ----- ระดับรายได้ดุลยภาพ
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเส้น IS และ LM
การเปลี่ยนแปลงเส้น IS
- กรณี IS เลื่อนไปทางขวาจะทำให้ทั้งรายได้ประชาชาติและอัตราดอกเบี้ยดุลยภาพเพิ่มขึ้น
- กรณี IS เลื่อนไปทางซ้ายจะทำให้ทั้งรายได้ประชาชาติและอัตราดอกเบี้ยดุลยภาพลดลง
- ถ้า IS เลื่อนไปทางขวา แต่อัตราดอกเบี้ยยังคงเท่าเดิม
- อุปสงค์ของเงินมากกว่าอุปทานของเงิน
- ประชาชนจะนำหลักทรัพย์มาขายกันมาก
- ราคาหลักทรัพย์จะลดลง
- อัตตราดอกเบี้ยจะปรับสูงขึ้น ทำให้การลงทุนของเอกชนลดลง
- ในที่สุดรายได้ประชาชาติจะลดลงมาอยู่ที่จุดดุลยภาพใหม่
การเปลี่ยนแปลงเส้น LM
- ถ้า LM เลื่อนไปทางขวา จะทำให้ ระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพเพิ่มสูงขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยลดลง
- ถ้า LM เลื่อนไปทางซ้าย จะทำให้ ระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพลดลง แต่อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
ผลของนโยบายการเงินและการคลังต่อ IS และ LM
- การเปลี่ยนแปลงเส้น IS ทางหนึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลง G และ T
- การเปลี่ยนแปลงเส้น LM ทางหนึ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงปริมาณเงิน (ใช้นโยบายการเงิน)
เส้นอุปสงค์รวม (Aggregate Demand) : การวิเคราะห์กรณีระดับราคาเปลี่ยนแปลง
การศึกษาในหัวข้อที่ผ่านมา เป็นการศึกษาดุลยภาพในตลาดผลผลิตและตลาดเงินตรา โดยมีข้อสมมติว่าระดับราคาคงที่ ในหัวข้อนี้ จะยกเลิกข้อสมมตินั้นออกไป เพื่อพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาว่ามีผลต่อรายได้ประชาชาติดุลยภาพใน 2 ตลาดอย่างไร
ผลของการเปลี่ยนแปลงระดับราคาต่อเส้น LM
- การเปลี่ยนแปลงระดับราคา ทำให้ปริมาณเงินที่แท้จริง(Ms)เปลี่ยนแปลงไป
- ถ้าระดับราคาเพิ่มขึ้น ปริมาณเงินที่แท้จริง(อุปทานของเงิน)จะลดลง ทำให้เส้น LM เลื่อนไปทางซ้ายของเส้นเดิม
- เมื่อเส้น LM เลื่อนไปทางซ้ายของเส้นเดิม รายได้ประชาชาติจะลดลง
- ถ้าระดับราคาลดลงขึ้น ปริมาณเงินที่แท้จริง(อุปทานของเงิน)จะเพิ่มขึ้น ทำให้เส้น LM เลื่อนไปทางซ้ายของเส้นเดิม
- เมื่อเส้น LM เลื่อนไปทางขวาของเส้นเดิม รายได้ประชาชาติจะสูงขึ้น
การเปลี่ยนแปลงรายได้ประชาชาติดุลยภาพในตลาดผลผลิตและตลาดเงินตรากับเส้น AD
- กรณีที่ระดับราคาเปลี่ยนแปลง ในขณะที่ปัจจัยอื่นๆคงที่ รายได้ประชาชาติดุลยภาพใน 2 ตลาดจะเปลี่ยนแปลงบนเส้น AD
- กรณีที่ระดับราคาคงที่ ในขณะที่ปัจจัยอื่นๆเปลี่ยนแปลง จะทำให้เส้นอุปสงค์รวม (AD) เปลี่ยนแปลงไปทั้งเส้น
สรุปสิ่งที่เป็น เหตุ-ผล ของวิธี IS-LM
เส้น LP
- เหตุ : อุปสงค์ของเงิน และ อุปทานของเงิน
- ผล : อัตราดอกเบี้ย
อาจารย์ผู้บรรยาย
- รองศาสตราจารย์คิม ไชยแสนสุข
- รองศาสตราจารย์สุกัญญา ตันธนวัฒน์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น