บทที่ 4 บทบาทของรัฐ การนำเข้าและส่งออกในระบบเศรษฐกิจ
ในบทนี้ยังคงเป็นเรื่องของการวิเคราะห์ระดับรายได้ดุลยภาพด้วยวิธีการ Income-Expenditure Approach และ Injection Withdrawal Approach แต่มีเรื่องของรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้อง และเป็นเศรษฐกิจในระบบเปิด ซึ่งตัวแปรที่เพิ่มเข้ามานี้ ถูกตัดออกไปในตอนแรก เพื่อให้วิเคราะห์ได้ง่ายขึ้น แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่มีประเทศไหนไม่มีรัฐบาลและเป็นเศรษฐกิจระบบปิด
ประเด็นสำคัญที่นำมาวิคราะห์ในบทนี้
- รัฐบาล
- รายจ่ายของรัฐบาล (Government Expenditure G)
- รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าบริการและการลงทุน เช่นเงินเดือนข้าราชการ รายจ่ายเพื่อซื้อสิ่งของต่างๆ
- รายจ่ายประเภทเงินโอน ( Transfer Payment) เช่นประกันสังคม รายจ่ายส่วนนี้ไปเพิ่มรายรับของครัวเรือน ทำให้ C เพิ่มขึ้น
- รายได้ของรัฐจากภาษี (Tax Revenues) การเก็บภาษีจะทำให้รายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น และทำให้ AE ลดลง เพราะภาษีที่จ่ายไปจะทำให้ Disposible Income(Yd) ของภาคเอกชนลดลง
- รายได้จากภาษีสุทธิ (Net Revenue : T) เท่ากับรายได้จากภาษีหักลบด้วยเงินโอน T = Tax Revenue - Transfer Payment
Yd = Y - T
- งบประมาณขอรัฐบาล (Government Budget)
- งบประมาณสมดุล งบประมาณที่รายได้ของรัฐ=รายจ่าย
- งบประมาณขาดดุล งบประมาณที่รายได้ของรัฐ < รายจ่าย
- งบประมาณเกินดุล งบประมาณที่รายได้ของรัฐ > รายจ่าย
- การออมของรัฐบาล (Public Saving)
- ในกรณีที่รัฐบาลทำงบประมาณแบบเกินดุล การออมของรัฐจะมีค่าเป็นบวก
- ในกรณีที่รัฐบาลทำงบประมาณแบบเกินดุล การออมของรัฐจะมีค่าเป็นลบ
- ภาษี (Tax and Expenditure Function) สมมติเก็บภาษี 10% Tax and Expenditure Function จะเขียนได้ดังนี้
Net Taxes(T) = 0.1Y
- การส่งออกสุทธิ (Net Export)
- มูลค่าส่งออก (X) มูลค่าส่งออกจะถูกกำหนดเป็นค่าคงที่เพราะมูลค่าการส่งออกขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่จะใช้จ่ายของธุรกิจและครัวเรือนในประเทศอื่นๆ
- มูลค่านำเข้า (IM) มูลค่าการนำเข้าจะผันแปรตามรายได้ประชาชาติ
- การส่งออกสุทธิ คือ ผลต่างของมูลค่าการส่งออกและมูลค่าการนำเข้า เขียนแทนด้วยสมการ
(การส่งออกสุทธิ)NX = X -IM
การกำหนดขึ้นของรายได้ประชาชาติดุลยภาพ กรณีระบบเศรษฐกิจเป็นระบบเปิดและมีรัฐบาล
(Desired Aggregate Expenditure : An Open Economy with Government)
ในระบบเศรษฐกิจเปิดและมีรัฐบาล ค่าของ Desired Aggregate Expenditure Function จะเป็นดังนี้
AE = C + I + G + X - IM หรือ AE = C + I + G + NX
หมายเหตุ ค่าของตัวแปรต่างๆในสมการนี้ เป็น Disired Value ไม่ใช่ Actual Value
The Aggregate Expenditure Function (billion of dollars)
National Income (Y) | Desire consumption Expenditure (C=100+0.72Y) | Desired Invesment Expenditure (I=250) | Desired Government Expenditure (G=170) | Desired Net Export Expenditure (X-IM = 240-0.1Y) | Desired Aggregate Expenditure (AE=C+I+G+X-IM) |
---|---|---|---|---|---|
100 | 172 | 250 | 170 | 230 | 822 |
400 | 388 | 250 | 170 | 200 | 1008 |
500 | 460 | 250 | 170 | 190 | 1070 |
1000 | 820 | 250 | 170 | 140 | 1380 |
1500 | 1180 | 250 | 170 | 90 | 1690 |
1750 | 1360 | 250 | 170 | 65 | 1845 |
2000 | 1540 | 250 | 170 | 40 | 2000 |
3000 | 2260 | 250 | 170 | -60 | 2620 |
4000 | 2980 | 250 | 170 | -160 | 3240 |
5000 | 3700 | 250 | 170 | -260 | 3860 |
ข้อกำหนดของตาราง The Aggregate Expenditure Function (billion of dollars)
(1) เนื่องจากเป็นระบบเปิดมีรัฐบาล ดังนั้น
Y ≠ Yd Y = Y - T
หากกำหนดให้ T มีค่าเท่ากับ 0.1Y
:. Yd = Y - 0.1Y Y = 0.9Y
(2) Consumption Function คือ
C = 100+0.8Yd C = 100+0.8(Y - 0.1Y) C = 100+0.72Y
(3) Import Function คือ
IM = 0.1Y
(4) ตัวแปรอื่นๆ ถูกกำหนดเป็น Autonomous Expenditure โดย
I = 250 X = 240 G = 170
การพิจารณาระดับรายได้ดุลยภาพ โดยวิธี Income-Expenditure Apporach
จากเงื่อนไข Y = AE :. Y = C + I +G + X - IM Y = 100 + 0.72Y + 250 + 170 + 240 - 0.1Y Y = 760 + 0.62Y Y-0.62Y = 760 0.38Y = 760 Y = 2000 พันล้าน US$
การพิจารณาระดับรายได้ดุลยภาพ โดยวิธี Injection Withdrawal Apporach
Injection = Withdrawal I + G + X = S + T + IM 250 + 170 + 240 = -100 + 0.18Y + 0.1Y + 0.1Y 0.38Y = 760 Y = 2000 พันล้าน US$
การพิจารณารายได้ดุลยภาพกรณีเศรษฐกิจระบบเปิดและมีรัฐบาล อธิบายโดนรูปกราฟ
(Determining Equilibrium National Income : An open Economy with Government)
- รายได้ดุลยภาพจะอยู่ที่ระดับที่ AE ตัดกับเส้น 45 องศา
- ถ้ารายได้ประชาชาติต่ำกว่า 2000 พันล้าน จะทำให้ AE(ความต้องการใช้จ่าย) มีค่ามากกว่าผลผลิตที่ผลิตได้ในปัจจุบัน เมื่อหน่วยผลิตเห็นว่าสามารถขายสินค้าได้มากกว่าที่ผลิตได้ หน่วยผลิตจะเพิ่มผลผลิต ทำให้รายได้ประชาชาติเพิ่มขึ้น
- ถ้ารายได้ประชาชาติสูงกว่า 2000 พันล้าน จะทำให้ AE(ความต้องการใช้จ่าย) มีค่าน้อยกว่าผลผลิตที่ผลิตได้ หากหน่วยผลิตยังคงผลิดเท่าเดิมต่อไป จะทำให้สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ผลกำไรลดลง เมื่อหน่วยผลิตไม่ต้องการให้สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น ก็จะลดการผลิตทำให้รายได้ประชาชาติลดลงมาอยู่ที่ 2000 พันล้าน
ความเกี่ยวข้องของนโยบายการคลัง(Fiscal Policy)กับรายได้ประชาชาติ
- นโยบายการคลัง เป็นนโยบายสาธารณะและเป็นเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายเงินของรัฐบาล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ
- การใช้จ่ายเงินของรัฐบาลและการจัดเก็บภาษี จะมีผลต่อความต้องการใช้จ่ายมวลรวม (AE) เช่น การลดภาษี หรือการเพิ่มค่าใช้จ่ายของรัฐบาล จะทำให้เส้น AE เลื่อนขึ้น ทำให้รายได้ประชาชาติดุลยภาพเพิ่มขึ้น
- รัฐบาลสามารถใช้นโยบายการคลังเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจอยู่ในระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้
การเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายของรัฐบาล
การเปลี่ยนแปลงรายจ่ายของรัฐบาล (ΔG) จะมีผลทำให้รายได้ประชาชาติดุลยภาพเปลี่ยนแปลง(ΔY) โดยรายได้ดุลยภาพที่เปลี่ยนแปลงจะมีค่าเท่ากับ ΔG คูณกับตัวคูณ (Multiplier)
การเปลี่ยนแปลงอัตราภาษี
ถ้าอัตราภาษีเปลี่ยนแปลง จะทำให้ ความสัมพันธ์ระหว่าง Yd กับ Y เปลี่ยนแปลง ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง C กับ Y เปลี่ยนแปลงไปด้วย
สมมติ สถานการณ์เริ่มต้น
Yd = 0.8Y และ C= 100+0.64Y
เมื่อรัฐลดภาษีจาก 20% เป็น 10%
Yd = 0.9Y และ C= 100+0.72Y (0.72 มาจาก 0.64*0.9/0.8) และทำให้ค่า Marginal propensity to spend(Z) เปลี่ยนแปลง
ในกรณีที่เพิ่มอัตราภาษี จะทำให้ Disposable Income (Yd) ลดลง ทำให้ C ลดลง และ เส้น AE เลื่อนลง ทำให้รายได้ประชาชาติดุลยภาพลดลง และในทางตรงกันข้าม การลดอัตราภาษี จะทำให้ Disposable Income (Yd) เพิ่มขึ้น ทำให้ C เพิ่มขึ้น และ เส้น AE เลื่อนขึ้น ทำให้รายได้ประชาชาติดุลยภาพเพิ่มขึ้น
อาจารย์ผู้บรรยาย
- รองศาสตราจารย์คิม ไชยแสนสุข
- รองศาสตราจารย์สุกัญญา ตันธนวัฒน์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น